แม่ค้า บ่นไฟแลบ! หมูขยับขึ้นราคา แทบไม่มีคนซื้อ ได้รับผลกระทบหนักพอสมควร

วันที่ 24 เม.ย. 2567 เวลา 11:02 น.

แม่ค้า บ่นไฟแลบ! หมูขยับขึ้นราคา แทบไม่มีคนซื้อ ได้รับผลกระทบหนักพอสมควร เพราะผู้คนจับจ่ายเลือกเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เพื่อลดต้นทุนการบริโภคประจำวันในครัวเรือนแทน วันที่ 24 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้เนทางไปสำรวจตลาดสดเทศบาลนครนครสวรรค์ หลังมีรายงานว่ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเขียงหมู ต่างบ่นกันระนาว ถึงเรื่องต้นทุนราคาจากต้นฟาร์มที่รับซื้อมาขาย ขยับขึ้นเอา ขึ้นเอา จนแทบจะไม่เหลือกำไร ซึ่งจะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าเนื้อหมู ขายของกันไม่ได้ เนื่องจากหากขึ้นราคาขายหน้าร้านตาม ก็จะทำให้คนมาซื้อได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย และตอนนี้ก็ถือว่าได้รับผลกระทบหนักพอสมควรจากการทำมาค้าขาย เนื่องจากราคาเนื้อหมูแพง จนผู้คนจับจ่ายต้องไปหาทางเลือกเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เพื่อลดต้นทุนการบริโภคประจำวันในครัวเรือนแทน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าว จึงได้สังเกตราคาเนื้อหมูตามเขียงในตลาดสด พบว่า ราคาหมูหน้าเขียง โดยเฉพาะเนื้อสัน ที่ผู้บริโภคมักนิยม มีราคาจาก 120 บาท/กิโลกรัม ขึ้นมาเป็น 140- 150 บาท/กิโลกรัม ส่วนหมูสามชั้น จาก 130 บาท/กิโลกรัม ก็ขึ้นมาเช่นกัน เป็น 160 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจากราคาที่ขึ้นมาอย่างบ้าเลือดดังกล่าว จึงส่งผลทำให้ แต่ละเขียงหมูภายในตลาดสดแห่งนี้ มียอดขายลดลงเป็นอย่างมาก แม้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจะพยายามช่วยตรึงราคาแล้วก็ตาม แต่ก็ต้านราคาจากหน้าฟาร์มไม่ไหว จึงต้องคอยปรับราคาขึ้น เพื่อพยุงให้ร้านค้าของตนเองดำเนินต่อไปได้ ด้าน เจ๊วี แม่ค้าขายหมูสดในตลาดสดเทศบาลนคร นครสวรรค์ ระบุว่า ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม จากเดิมราคา 60 บาท/กิโลกรัม แต่ดันขึ้นมาเป็น 75 บาท/ กิโลกรัมแล้ว จึงขอฝากขอวนไปถึงรัฐบาล ให้ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพราะที่มันแพงแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนของทุกอย่าง มีการขึ้นราคาจนราคาข้าวของ มีการขยับราคาขึ้นแพงตามไปด้วย ส่งผลทำให้แม่ค้าและลูกค้า ต้องเดือดร้อนไปตามๆ กัน แต่ตอนนี้แม่ค้าทั้งตลาด ก็ไม่กล้าขึ้นราคามาก เพราะแค่นี้ ลูกค้าก็หายหมดแล้ว จะสังเกตได้ว่าบรรยากาศของตลาดสด จากที่เคยมีคนเดินจับจ่ายอย่างพลุกพล่าน ก็แทบจะไม่มีใครมาเดินหาซื้อของกันแล้ว เพราะต้องประหยัดกับค่าใช้จ่ายที่ของแพงขึ้นทุกอย่าง