“จุมพล รอง อสส.” นำคณะเจรจายึดทรัพย์เครือข่ายเหว่ยเซียะกัง จากธนาคารสวิส ได้เงินเข้าหลวง 76 ล้านบาท

วันที่ 2 มี.ค. 2567 เวลา 13:50 น.

เจรจาสำเร็จ “จุมพล รอง อสส.” ลงนามข้อตกลงแบ่งปันทรัพย์สิน ยึดทรัพย์เครือข่ายเหว่ยเซียะกัง จากธนาคารสวิส ได้เงินเข้าหลวง 76 ล้านบาท หลังอัยการคดีพิเศษร้องศาลเเพ่งจนมีคำสั่งยึดทรัพย์ เล็งตามยึดทรัพย์ฟอกเงินคดีอื่นอีกหลายประเทศ วันนี้ (2 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวนายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้ลงนามในข้อตกลงแบ่งปันทรัพย์สินระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส โดยข้อตกลงดังกล่าวมีสถานะเป็นสนธิสัญญาที่ประเทศไทยจะได้รับเงินจำนวน 1,882,332.68 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 76,896,733 บาท พร้อมดอกผลที่จะมีขึ้นในภายหน้า คืนจากสมาพันธรัฐสวิส สืบเนื่องจากสำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดคดียาเสพติด โดยผู้ต้องหากับพวกมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดเมทแอมเฟตามีนเกี่ยวข้องกับกลุ่มเหว่ยเซียะกังในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ต่อมามีการสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินบางส่วนไปฝากไว้ที่ธนาคารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงาน ปปง. จึงขอให้อัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 ดำเนินการยึดอายัดเงินฝากในธนาคารสวิสของผู้ต้องหา สำนักงานอัยการสูงสุดจึงได้ขอความช่วยเหลือจากทางการสมาพันธรัฐสวิส และพนักงานอัยการสวิสได้ดำเนินการอายัดเงินฝากในบัญชีธนาคารสวิสของผู้ต้องหา ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.59 ลงโทษผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3,60,61 วรรคหนึ่ง และพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ทรัพย์สินของผู้ต้องหาตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งถึงที่สุดเมื่อวันที่ 25 ก.ย.60 ให้ทรัพย์สินเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งอยู่ที่สมาพันธรัฐสวิส พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน โดยเมื่อเดือนธ.ค.61 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งคำร้องขอไปยังสมาพันธรัฐสวิส เพื่อดำเนินการริบและส่งคืนทรัพย์สินตามคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าวกลับคืนมายังประเทศไทย ซึ่งทางการสมาพันธรัฐสวิสได้ดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมายสมาพันธรัฐสวิสแล้ว วินิจฉัยให้ส่งคืนทรัพย์สินกลับมายังประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงการแบ่งปันทรัพย์สิน (Asset Sharing) ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ผูกพันรัฐบาลทั้งสอง และเป็นข้อตกลงฉบับแรกในประวัติศาสตร์ที่ไทยทำกับต่างประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 มอบให้ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเจรจาทำข้อตกลง โดยมีผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ปปง. และกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นองค์คณะผู้เจรจา อัยการสูงสุด จึงมอบหมายให้นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะเจรจา โดยผลการเจรจากับสมาพันธรัฐสวิสตกลงแบ่งปันทรัพย์สินจากทรัพย์สินที่ได้อายัดไว้ในอัตราส่วนที่เท่ากันระหว่างสองประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้อัยการสูงสุดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฝ่ายราชอาณาจักรไทย โดยคดีดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จของสำนักงานอัยการสูงสุด ในการติดตามเอาทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดที่ได้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปยังต่างประเทศคืนมายังประเทศไทย อันเป็นผลจากการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ปปง. กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง รวมถึงการได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือที่ดีเป็นอย่างยิ่งจากพนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมแห่งสมาพันธรัฐสวิส สำนักงานอัยการสูงสุดขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ปัจจุบันยังมีทรัพย์สินของผู้กระทำผิดในคดีค้ายาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ทุจริตประพฤติมิชอบ ฟอกเงิน และคดีอื่นๆ ที่นำไปซุกซ่อนในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เกาะเจอร์ซีย์ และเกาะเกิร์นซีย์ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำลังดำเนินการประสานงานกับต่างประเทศเพื่อยึด อายัด และริบทรัพย์ตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 อยู่หลายคดี ซึ่งคาดว่าจะนำทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดกลับคืนมาประเทศไทยได้ในไม่ช้า