ความหวังอยู่ที่รัฐบาลชุดใหม่ จี้แก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง

วันที่ 28 มิ.ย. 2566 เวลา 12:16 น.

ผู้เลี้ยงหมู วอนรัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหา ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพงเป็นประวัติการณ์ จี้เร่งทบทวนนโยบายอาหารสัตว์ทั้งระบบ โดยเฉพาะมาตรการประกันราคาขั้นต่ำ โควต้าและภาษีนำเข้า วันนี้ (28 มิ.ย.66)  นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์แพงมาก  ขณะที่ราคาขายหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยราคาแนะนำของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งเมื่อวันพระที่ผ่านมา (25 มิ.ย.66) อยู่ที่ 72-76 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยเดือนนี้อยู่ที่ 90.57 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรขาดทุนสะสมมาเป็นเดือนที่ 6 “ผู้เลี้ยงหมูขาดทุนสะสมต่อเนื่องเป็นดินพอกหางหมู โดยหวังว่าหลังจากไทยควบคุมโรคระบาด ASF ได้ดี เกษตรกรมั่นใจนำหมูเข้าเลี้ยงจนได้ผลผลิต แต่กลับขายในราคาขาดทุนเพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูง อีกทั้งหมูเถื่อนยังลักลอบนำเข้ามาแทรกแซงราคาอีก จึงอยากขอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาทบทวนนโยบายอาหารสัตว์แบบบูรณาการ แก้ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาสูง และปราบหมูเถื่อนให้สิ้น เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของหมูไทยในอนาคต” นายสิทธิพันธ์ กล่าว สำหรับวัตถุดิบอาหารสัตว์คิดเป็น 60-70% ของต้นทุนการเลี้ยงหมู โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ราคา 13.75 บาทต่อกิโลกรัม  เนื่องจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้การขนส่งหยุดชะงักทั้งหมด และหลายประเทศหยุดส่งออก ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นมาก โดยราคาในไทยยังคงสูงเฉลี่ยที่ 12-12.75 บาทต่อกิโลกรัม และสูงเกินกว่าราคาประกันของรัฐบาลที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม “ไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปีละ 5 ล้านตัน ต้องนำเข้าเกิน 3 ล้านตัน  การนำเข้ายังติดเรื่องโควต้าและภาษีนำเข้า  ยิ่งทำให้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นอีก ที่ผ่านมายังไม่มีรัฐบาลชุดไหนแก้ปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม  เราจึงหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะทบทวนนโยบายอาหารสัตว์ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”  นายสิทธิพันธ์กล่าว