ประธาน กกต. แจงคดี 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ อยู่ระหว่างพิจารณารับ-ไม่รับคำร้อง

วันที่ 8 มิ.ย. 2566 เวลา 06:24 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ด้วยความคาดหวังที่สูงลิ่วและความที่ประชาชนบางส่วนค่อนข้างกังขากับการทำงาน จึงทำให้ช่วงนี้ กกต.ต้องทำงานสู้กับข่าวลือหนักหน่อย ล่าสุด ประธาน กกต. ต้องออกมาสยบข่าวจ่อเชือด พิธา กรณีถือหุ้นไอทีวี ยืนยันยังอยู่ระหว่างพิจารณารับคำร้องไว้หรือไม่เท่านั้น นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลว่า เข้าข่ายขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี หลังมีการรายงานว่า สำนักงาน กกต. ได้เสนอเรื่องต่อที่ประชุม กกต. เมื่อวานนี้ โดยประธาน กกต. ยืนยันว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น กกต. ยังไม่ได้พิจารณาว่า กรณีมีมูลต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่ แต่อย่างใด นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน เพจสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เตือนการเผยแพร่เฟกนิวส์ โพสต์ดังกล่าวระบุว่า ตามที่มีผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ ใช้ชื่อบัญชีว่า "Democracy PheuthaiParty" และเฟซบุ๊กชื่อ "แหม่มโพธิ์ดำ" ได้นำข้อความอันเป็นเท็จ กล่าวว่า "สส.ก้าวไกล จะโดนใบแดงอีกเกือบ 10 คน เพราะว่าไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเลือกตั้งท้องถิ่นนั่นแหละ เช่น อบต. เทศบาล อบจ. สก. สข. ผู้ว่า กทม. แล้วไม่ได้ทำหนังสือแจ้งว่าทำไมไม่ไป อันนี้ก็เป็นคุณลักษณะต้องห้ามตาม รธน. อีก" โดยประชาชนได้นำข้อความดังกล่าว ไปโพสต์เผยแพร่ผ่านสื่อตามช่องทางต่าง ๆ นั้น กกต. ขอชี้แจงว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ กล่าวคือ กกต. หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน กกต. หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่เคยให้ข้อมูล หรือเผยแพร่ข่าวสาร หรือแจ้งข่าว ไปยังสื่อมวลชนหรือช่องทางการสื่อสารใด ๆ ว่า สส. พรรคก้าวไกล จะถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือจะเป็นผู้ได้รับใบแดง จำนวน 10 คน ตามที่สื่อต่าง ๆ ได้นำข้อความไปโพสต์แต่อย่างใด ทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ จากนั้นยังโพสต์ คำเตือน ผู้ใดแชร์ข่าวดังกล่าวด้วยวิธีการกดไลก์ กดแชร์ รีทวิต รีโพสต์ ทางยูทูบ ทาง TikTok ส่งต่อทางไลน์ไปยังกลุ่มต่าง ๆ หรือช่องทางสื่อสารอื่น ๆ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ