ฟินแลนด์ - ประเทศที่ประชากรมีความสุขมากที่สุดในโลก

วันที่ 1 มิ.ย. 2566 เวลา 16:55 น.

ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คือ ฟินแลนด์ ส่วนไทยนั้นอยู่ในอันดับที่ 60 จากทั้งสิ้น 137 ประเทศ #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด จะมากล่าวถึงประเทศที่ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก โดย World Happiness Report 2023 ซึ่งเป็นรายงานสถิติประจำปีที่จัดอันดับประเทศต่างๆ ทั่วโลกตามผลการสำรวจระดับความสุขของประชากร ในรายงานประจำปียังทำการวิเคราะห์หาปัจจัยที่ทำให้คนเรามีความสุข โดยรายงานดังกล่าวได้สำรวจปัจจัยที่มีผลต่อระดับความสุข ได้แก่ รายได้ต่อหัว (GDP per capita) ที่สูง การมีเพื่อนและญาติพี่น้องที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การมีช่วงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงยาวนาน การมีอิสระในการเลือก/ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ การได้ให้/บริจาคเงินหรือสิ่งของให้แก่ผู้อื่น การไม่มีคอรัปชั่น  และปัจจัยอื่นๆ เช่นเรื่องการศึกษา จากรายงานดังกล่าวประเทศที่มีความสุขมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ พอเห็นสถิติออกมาแบบนี้ หลายคนอาจจะมีความฝันว่าอยากไปอยู่ในประเทศเหล่านี้ แต่เรามาดูกันก่อนว่าผู้คนในประเทศที่มีความสุขติดอันดับต้นๆ ของโลกนี้ มีค่าครองชีพในรูปของภาษีที่ต้องจ่ายอย่างไรกันบ้าง เผื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศในฝันนี้ โดยจะยกตัวอย่างภาษีสำคัญๆ เท่านั้น ในส่วนของภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากสินค้าและบริการบางประเภทจะขอไม่กล่าวถึงในที่นี้เพราะมีความหลากหลายอยู่ค่อนข้างมาก ฟินแลนด์  - ประเทศที่มีการเก็บภาษีจากรายได้บุคคลธรรมดาสูงเป็นอันดับ 6 ของกลุ่มประเทศ OECD ในปี 2565 (ก่อนหน้านี้อยู่อันดับ 8) - อัตราภาษีที่เก็บจากรายได้บุคคลธรรมดาอยู่ที่ 20.64%-59% (อัตราภาษีเฉลี่ยสูงถึง 56.95% ปรับขึ้นจาก 53.75% เมื่อปี 2563) - ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้จากการลงทุนอยู่ในอัตรา 30%-34% - ภาษีรายได้นิติบุคคลเก็บขั้นต่ำอยู่ที่ 20% และ - อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 24%  เดนมาร์ก - อัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดาที่ต้องจ่ายให้รัฐ อยู่ที่ 12.09%-48.5% นอกจากนี้ยังมีภาษีท้องถิ่นที่จัดเก็บจากรายได้บุคคลธรรมดาอีก เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 25.018% (ภาษีที่จ่ายให้รัฐและท้องถิ่นมีเพดานภาษีรวมอยู่ที่อัตรา 52.07%) และมีการจัดเก็บภาษีตลาดแรงงานอีก 8% ของรายได้ โดยจัดเก็บตั้งแต่เดนนิชโครนแรกที่ได้รับเป็นค่าจ้าง - ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้จากการลงทุนอยู่ในอัตรา 27%-42% - ภาษีรายได้นิติบุคคลขั้นต่ำอยู่ที่ 22% แต่สำหรับธุรกิจประเภทน้ำมันและก๊าซ (เชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอน) ถูกจัดเก็บภาษีสูงถึง 52% และ - อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 25%  ไอซ์แลนด์ - อัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดาที่ต้องจ่ายให้รัฐ อยู่ที่ 16.78%-31.85% (อัตราภาษีเฉลี่ยสูงถึง 56%) มีภาษีท้องถิ่นที่จัดเก็บจากรายได้บุคคลธรรมดาอีก 12.44% - 14.76% โดยจัดเก็บตั้งแต่ไอซ์แลนดิกโครนาแรกที่ได้รับ - ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้จากการลงทุนอยู่ในอัตรา 22% - ภาษีรายได้นิติบุคคลอยู่ที่ 20%-37.6% และ - อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 24%  ประเทศที่มีระดับความสุขสูงใน 10 อันดับแรก (นอกเหนือจากสามประเทศข้างต้น) ได้แก่  อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ ลักซ์เซมเบิร์ก และนิวซีแลนด์ จะเห็นได้ว่าประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับนี้เป็นประเทศที่ผู้คนมีระดับรายได้สูง แต่มีอัตราภาษีที่ต้องจ่ายสูงด้วยเช่นกัน เช่น อิสราเอล มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 50% และ VAT 17% เนเธอร์แลนด์ มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 49.5% และ VAT 21% สวีเดน มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 52.9% และ VAT 25% นอร์เวย์ มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 38% และ VAT 25% สวิสเซอร์แลนด์ มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 40% และ VAT 7.7% ลักซ์เซมเบิร์ก มีอัตราภาษีรายได้สูงสุดที่ 45% และ VAT 16% (ที่มาของตัวเลขอัตราภาษี https://worldpopulationreview.com/country-rankings/highest-taxed-countries) จากผลการศึกษาใน 137 ประเทศ พบว่า ปัจจัยหลัก 3 ปัจจัยที่ทำให้คนเรามีความสุขในทุกประเทศ คือ การมีระดับรายได้ที่สูง การมีเพื่อนและญาติพี่น้องที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการมีอิสระในการเลือก/ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ รองลงมา คือ เรื่องของการมีสุขภาพที่ดี สรุปว่า หากเรามีรายได้ที่สูงเพียงพอกับภาษีและค่าครองชีพที่ต้องจ่าย อยู่ในสังคมที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีอิสระในการเลือก และมีระบบสาธารณสุขที่ดี เราก็จะมีความสุขได้ไม่แพ้คนในประเทศอื่น