ทนายพัช รับทราบข้อหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน

วันที่ 27 พ.ค. 2566 เวลา 04:23 น.

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ทนายพัช ทนายของแอม สรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ เข้ารับทราบข้อหาคดีร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน ยืนยันให้การปฏิเสธ ไม่ได้ชี้นำให้ลูกความทำผิดกฎหมาย และยังเป็นทนายให้ แอม ต่อสู้ในคดีหลัก นางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความที่รับผิดชอบดูแลคดีให้กับ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม สรารัตน์ ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมและชิงทรัพย์โดยการใช้สารพิษไซยาไนด์ พร้อม นายไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความที่ปรึกษากฎหมายของทนายพัช ไปเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียกคดีร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังรับทราบข้อหา ทนายพัช ยืนยันว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของ นางสาวก้อย ผู้เสียชีวิตในคดีนี้ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงถูกซัดทอดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาทำหน้าที่โดยสุจริต โปร่งใส ไม่เคยให้คำแนะนำใด ๆ ที่เป็นการชี้นำให้ลูกความกระทำผิดกฎหมาย ปัจจุบันยังเป็นทนายความในคดีหลักให้ แอม อยู่ และในสัปดาห์หน้าจะเข้าพบลูกความอีกครั้ง เพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินคดีเพิ่มเติม ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเองยังเป็นทนายความคดีหลักให้กับ แอม และไม่ขัดข้องที่จะมีทนายความคนอื่นร่วมว่าความด้วย ส่วนประเด็นเรื่องการฟ้องพิธีกร สื่อมวลชน และตำรวจ ทั้งเรื่องความผิดตามมาตรา 157, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพิจารณาเอาผิดตามกฎหมายใหม่ พ.ร.บ.อุ้มหาย อยู่ระหว่างเตรียมการ ด้าน ทนายไชยา เปิดเผยว่า การออกหมายเรียก ทนายพัช ให้มารับทราบข้อกล่าวหา เชื่อว่าเป็นการเตะตัดขาที่ต้องการตัดสิทธิ์ไม่ให้ ทนายพัช เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จึงอยากขอโอกาสให้ ทนายพัช เข้าไปช่วยเหลือลูกความอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของลูกความที่จะเลือกทนายเข้ามาช่วยเหลือคดีได้ ด้าน พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ทนายพัช ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การแย้งในประเด็นต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนสงสัย แต่จากการพิจารณาคำให้การ ส่วนตัวมองว่ายังไม่สามารถหักล้างผลการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีนี้ได้ ยืนยันว่า การดำเนินคดีกับ ทนายพัช ไม่ใช่เป็นการเตะตัดขา ส่วนการสอบปากคำ แอม ในเรือนจำแล้วพบว่าให้การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มองว่าเป็นผลเสียต่อตัวผู้ต้องหาเอง เพราะจะทำให้คำให้การเสียน้ำหนัก และขาดความน่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจทำคดีอย่างรอบคอบ ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้บังคับให้ใครรับสารภาพ โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้เรียกคณะทำงานจาก ตำรวจภูธร ภาค 7, จังหวัดนครปฐม สอบถามความคืบหน้า เพื่อเตรียมขึ้นโครงสำนวนคดีให้แล้วเสร็จไม่เกินวันอาทิตย์นี้ เตรียมสรุปสำนวนคดีให้อัยการพิจารณาสั่งคดี และในวันที่ 29 พฤษภาคม จะหารือร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการจำหน่ายสารพิษไซยาไนด์ด้วย ส่วนการสู้คดีฝั่งของ แอม เมื่อวาน ทนายกฤษณะ ก็โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ได้ตัดสินใจขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ แอม แล้ว เนื่องจากตอนที่เข้าพบได้ให้เงื่อนไขว่าจะยอมเป็นทนายความให้ หากแอมรับสารภาพในคดีการเสียชีวิตของ นางสาวก้อย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะตัดสินใจยอมรับสารภาพหรือไม่