ไกด์หนุ่มสุดงง โดนข้อหายักยอกทรัพย์ ทั้งที่ไม่ค่อยอยู่ไทย

วันที่ 31 มี.ค. 2566 เวลา 16:33 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ไกด์หนุ่มมีอาชีพนำเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ไม่ค่อยได้กลับไทย ถูกมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนไปเป็นพยานค้ำประกันเช่ารถยนต์ที่จังหวัดเชียงใหม่  ทำให้ถูกออกหมายจับ ผ่านมา 2 ปีพึ่งมารู้เรื่องว่าถูกศาลออกหมายจับ ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนมาก ไม่รู้ว่าจะถูกตำรวจจับตอนไหน เพราะต้องเข้าออกประเทศอยู่เป็นประจำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายบุรีกรณ์ อายุ 40 ปี เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากนาย อาชาน โอภาสธนากูร ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยในคดีนายบุรีกรณ์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น โดยทำอาชีพนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว และเมื่อประมาณต้นปี 2560 ตนเองได้ทำบัตรประชาชนหาย จากนั้นตนเองได้ไปทำบัตรใหม่ในวันที่ 8 มีนาคม 2560 ที่เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยไม่ได้แจ้งความบัตรหายกับสถานีตำรวจ ต่อมาเมื่อปี 2561 ตนเองได้เดินทางโดยเครื่องบินไปจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นตนเองได้เช่ารถยนต์เพื่อขับไปงานแต่งงานของเพื่อน หลังเสร็จงานแต่งงานตนเองก็นำรถเข้าไปคืน จากนั้นก็นั่งเครื่องบินกลับมาที่กรุงเทพมหานคร และก็เดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่ตนเองจะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมากกว่า และเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ได้มีหมายศาลมาที่บ้านของแม่ที่จังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่าให้คัดชื่อตนเองออกจากทะเบียนบ้าน เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาล ช่วงนั้นตนเองอยู่ประเทศญี่ปุ่น จึงยังไม่ได้กลับมาเดินเรื่องอะไร ต่อมาเมื่อ วันที่ 23 มีนาคม 2566 หมายศาลก็มาที่บ้านแม่อีก เป็นการเตือนครั้งที่สอง ให้ย้ายชื่อตนเองออกจากทะเบียนบ้าน ตนเองจึงขอให้พี่สะใภ้ช่วยเช็กเรื่องนี้ให้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น สรุปว่าตนเองถูกออกหมายจับในคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์ โดยมีผู้เสียหายเป็นบริษัทให้เช่ารถในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กล่าวหาว่าในวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ตนเองกับพวก 2 คน ได้เช่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส แล้วไม่นำรถมาคืน โดยมีชื่อตนเองเซ็นเป็นพยานในเอกสารการเช่ารถ ตนเองจึงรู้สึกแปลกใจว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร เพราะวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ตนเองอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน เป็นรูปถ่ายใน Facebook ที่ตนเองถ่ายไว้ในวันเกิดเพื่อนตนเอง อีกทั้งในเอกสารก็ไม่ใช่ลายเซ็นตัวเอง ของตนเองต้องมีตัว ว.ทุกครั้ง ตนเองจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับทนายความ แต่ทนายความได้เรียกค่าทนายเป็นเงินจำนวนที่สูงมาก ตนเองไม่มีเงินจ่าย จึงมาขอความช่วยเหลือจากเพจ ตอนนี้ตนเองเดือดร้อนมาก เพราะตนเองมีอาชีพเป็นไกด์นำทางพาคนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ต้องเข้า-ออกประเทศอยู่เป็นประจำ หากวันใดที่ตนเองถูกตำรวจจับที่สนามบิน ตนเองก็จะหมดความน่าเชื่อถือในการเป็นไกด์