สภาทนายความ เตรียมสอบมรรยาททนาย เรียกเงินแถลงข่าว

วันที่ 30 มี.ค. 2566 เวลา 06:34 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ด้านสภาทนายความ ยืนยันเร่งสอบกรณีทนายดังเก็บเงินค่าแถลงข่าว อาจผิดมรรยาททนายความ เข้าข่ายใช้กลอุบาย ประพฤติเสื่อมเสียวิชาชีพหรือไม่ กรณี ทนายตั้ม ยอมรับว่ารับเงินค่าแถลงข่าวจากลูกความ เป็นค่าวิชาชีพทนายความ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง จากการถูกฟ้องร้องคดีจากฝ่ายตรงข้าม ทำให้มีการตั้งคำถามว่า ถูกต้องหรือไม่ ด้านสภาทนายความ ระบุว่า อาจผิดข้อบังคับสภาทนายความ ต้องให้กรรมการมรรยาทสอบข้อเท็จจริง นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ให้ข้อสังเกตถึงข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความข้อที่ 18 ที่ระบุว่า ทนายความที่ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนในลักษณะเสื่อมเสียต่อเกียรติคุณของวิชาชีพ ถือว่าผิดมรรยาททนายความ และข้อ 14 เมื่อได้รับเป็นทนาย ภายหลังใช้อุบายนอกเหนือจากที่ตกลงกันในสัญญาว่าความ ถือว่ามีความผิดมรรยาททนายความ แต่กรณีที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยังไม่มีคนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือมีผู้เสียหาย หรือข้อความปรากฏชัด โดยกรรมการมรรยาทจะเร่งตรวจสอบเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง ขณะนี้ไม่มีกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบ อยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อกำหนดกรอบในการพิจารณามรรยาททนายความรูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยอมรับว่าตลอดชีวิตที่ประกอบอาชีพทนายความ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มีการเรียกเก็บค่าเเถลงข่าว เเละเก็บเป็นค่าเสี่ยงภัยที่จะถูกฟ้องในลักษณะนี้มาก่อน การฝ่าฝืน "มรรยาททนายความ" มีบทลงโทษ 3 ระดับ สำหรับความผิดกรณีฝ่าฝืนมรรยาททนายความในภาพรวม การพิจารณาจะมีบทลงโทษ 3 ระดับ คือ ภาคทัณฑ์, ห้ามเป็นทนายความ 3 ปี และการลบชื่อออกจากสารบบทนายความ ทั้งนี้ ความหนักเบาของบทลงโทษขึ้นอยู่กับความผิดที่คณะกรรมมรรยาทของสภาทนายความพิจารณา ส่งมาให้คณะกรรมการบริการสภาทนายความพิจารณา โดยทั้ง 2 คณะจะเเบ่งเเยกกันพิจารณา เพื่อเป็นการคานอำนาจ ส่วนการกำหนดค่าใช้จ่ายในการปรึกษาทนายความนั้น นายกสภาทนายความ กล่าวว่า แต่ละคนไม่มีการกำหนดไว้ถึงราคาขึ้นต่ำ หรือเพดานราคาสูงสุด แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นไม่เหมาะสม ด้าน นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ตามหน้าที่ของทนายความ ไม่สามารถนำข้อมูลของลูกความมาเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากลูกความ หรือโดยอำนาจของศาล แต่หากเป็นการเอาข้อมูลคู่กรณีลูกความมาเปิดเผย จะเข้าข่ายประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเสื่อมเสียต่อเกียรติคุณของทนายความ ทั้งนี้จะต้องสอบข้อเท็จจริงโดยกรรมการมรรยาททนายความ เมื่อวินิจฉัยแล้ว ต้องส่งเรื่องให้นายกสภาทนายความพิจารณาภายใน 30 วัน