ถกไม่เถียง : มาเฟียแบ็คใหญ่ ไถค่าคุ้มครอง ร้านกาแฟไม่ให้ ถูกป่วน ทำร้าย ฉี่ใส่ร้าน!

วันที่ 23 มี.ค. 2566 เวลา 17:00 น.

ถกไม่เถียง - แม่ค้าร้านกาแฟสุดช้ำใจ ถูกชายอ้างตัวเป็นมาเฟียเจ้าถิ่น เรียกเก็บค่าคุ้มครอง พอไม่จ่ายโดนป่วนร้าน ทุบทำลายทรัพย์สิน เยี่ยวใส่ร้าน พอขี่รถไปถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ กลับถูกทำร้ายร่างกาย ลูกชายเข้าไปช่วยโดนทำร้ายด้วย แจ้งความไว้แล้ว แต่โดนขู่กลับต่อหน้าตำรวจ นางสาวทัตพิชา ทิพยหิรัญ อายุ 50 ปี แม่ค้าร้านกาแฟ ย่านเขตหลักสี่ พร้อมด้วยลูกชาย เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อทีมงานเพจ สายไหมต้องรอด หลังถูกชายอ้างตัวเป็นเจ้าถิ่นเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ไม่จ่ายเจอดี ขู่สารพัด ปาสิ่งของทำลายทรัพย์สิน ส่งคนมาป่วน ยืนเยี่ยวใส่ร้าน พอไปถามกับถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ นางสาวทัตพิชา เล่าว่า ตนกับลูกชายเปิดร้านขายกาแฟริมทาง บริเวณหน้าคอนโดดิแอร์พอร์ต ซอยแจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนคุมวินรถจักรยานยนต์มาเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และข่มขู่ โดยชายคนดังกล่าวมักจะอ้างตัวว่ารู้จักกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตหลักสี่เป็นอย่างดี ถ้ายอมจ่ายค่าคุ้มครองให้ตน เดือนล่ะ 1,500-2,000 บาท ก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือคนมาก่อกวน ช่วงแรกด้วยความกลัว ตนจึงได้ยอมจ่ายเงินให้กับชายคนดังกล่าวมาตลอด ต่อมา มีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาตรวจแผงร้านขายของ และตนได้เสียค่าปรับ กรณีขายของบนทางเท้าเดือนละ 500 บาท ตามกฏหมายอย่างถูกต้อง ตนจึงรู้สึกว่าในเมื่อจ่ายเงินให้กับทางสำนักงานเขตอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรต้องจ่ายให้ชายคนดังกล่าวที่ทำตัวเป็นมาเฟีย เก็บเงินค่าคุ้มครองอีกต่อไป เนื่องจากตนขายของได้กำไรเพียงวันละ 200-300 บาทเท่านั่น หากต้องจ่าย 2 ทางก็แทบจะไม่เหลือเงินเข้าบ้าน พอไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ชายคนดังกล่าวจึงเริ่มไม่พอใจ ส่งคนมาป่วนร้าน ข่มขู่ บางวันก็ส่งคนมาเยี่ยวใส่ร้าน ล่าสุด ส่งคนมาทำลายข้าวของร้านเสียหาย โดยการใช้มีดกรีดผ้าใบจนขาด จนกระทั่งวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนดูกล้องวงจรปิดจากที่บ้าน เห็นชายคนดังกล่าวเข้ามาที่ร้านอีก และยืนเยี่ยวอีก ตนรู้สึกทนไม่ไหวที่มาทำกันแบบนี้ จึงได้ให้ลูกชายขับรถพาไปถามถึงความเสียหายที่เกิดกับร้าน ทำให้ชายคนดังกล่าวไม่พอใจ ชกเข้าที่ใบหน้าของตนอย่างจังจนล้มลง ลูกชายจึงได้วิ่งเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกชายคนดังกล่าวชกต่อยจนบาดเจ็บตามคลิปที่ปรากฏ จึงได้พาลูกชายเดินทางเข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีอย่างที่สุด