สว.อุปกิต ปฏิเสธ ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล

วันที่ 20 มี.ค. 2566 เวลา 06:34 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ปมการถอนหมายจับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ซึ่งมีหนังสือชี้แจง 7 หน้า จากสารวัตรสืบสวนคดีที่ขอหมายจับและถูกถอนหมายจับ ทำให้สมาคมตำรวจ ถึงกับต้องเคลื่อนไหวถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ ในขณะที่ นายอุปกิต แถลงเมื่อวันศุกร์ ถึงความบริสุทธิ์ และไม่ใช่คนมีอิทธิพลเหมือนที่ถูกกล่าวหา ประมวลการแถลงข่าวของนายอุปกิต เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา สรุปใจความสำคัญว่า กรณีลูกเขยถูกจับในคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีพฤติการณ์หลบหนี แต่จริง ๆ แล้วยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และถูกจับกุมในบ้านหลังดังกล่าว หากตนเป็นผู้มีอิทธิพล ลูกเขยคงไม่ต้องติดคุกนานถึง 7 เดือน คงช่วยเรื่องคดีความตั้งแต่ต้น ข้อกล่าวหาที่ว่าถือหุ้นในบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่ได้ถือหุ้น ดังนั้นตนจึงไม่ได้อยู่ในสำนวนแรก แต่ตอนนี้สำนวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนที่อ้างว่ามีตำรวจที่ทำคดีดังกล่าวถูกโยกย้าย นายอุปกิต ยืนยันว่าไม่มีอำนาจ หรือกดดันให้ใครย้ายตำรวจคดีนี้ได้ แต่เท่าที่ทราบเป็นการโยกย้ายตามวงรอบ และไม่มีผลงานในช่วง 3-4 เดือน และไม่ได้เป็นการย้ายเพื่อลงโทษ แต่เป็นการย้ายในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากตนเป็นผู้มีอิทธิพลสามารถสั่งย้ายตำรวจได้ ก็คงสั่งย้ายไปให้ไกลกว่านี้ พร้อมย้ำว่าตำรวจกลุ่มนี้ไม่ได้ทำคดีของตนตั้งแต่แรก นายอุปกิต บอกอีกว่า นายรังสิมันต์ โรม พยายามโจมตี ทำให้ตนเสียหายอย่างหนักจากการอภิปรายในสภา ทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้กลับไปตรวจสอบข้อมูล จนพบว่าบทสนทนาในแอปพลิเคชัน Viber ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแช็ต ที่ใช้ในประเทศเมียนมา พบว่ามีการตกแต่งข้อความเพื่อดำเนินคดีกับตน จึงเป็นที่มาของการถอนหมายจับในวันเดียวกันกับที่ถูกออกหมายจับ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า นำเงินที่ค้ายาเสพติด มาฟอกผ่านธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าระหว่างไทยกับเมียนมานั้น ชี้แจงว่าไม่มีใครคิดนำเงินค่าไฟฟ้าที่ถูกกฎหมาย ไปเปลี่ยนให้เป็นเงินผิดกฎหมาย นายอุปกิต ตั้งข้อสังเกตว่ามีนายตำรวจระดับพันตำรวจโท สื่อมวลชนบางสำนัก รวมถึงนักวิชาการ มีความใกล้ชิดกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลที่พรรคก้าวไกลนำมาเสนอ มักจะถูกแชร์อยู่ในโลกออนไลน์จากสื่อมวลชนบางคนด้วยความรวดเร็ว และมีความชำนาญในการใช้สื่อโซเชียลเป็นอย่างดี อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า นายตำรวจบางคนอาจมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเอกสารคดีความบางฉบับไปอยู่ในมือของนักการเมือง ตนและครอบครัวจึงขอความเป็นธรรม เพราะกำลังเป็นเหยื่อทางการเมือง ใช้เพื่อการหาเสียง แต่ก็มั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมจะไม่มีใครสามารถก้าวก่าย หรือแทรกแซงได้ โดยจะเดินทางไปยื่นฟ้องเอาผิดกับทุกคน ที่เกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายป้ายสีให้ตนเสื่อมเสีย ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ หากชนะคดีจะนำเงินที่ได้ไปบริจาคให้กับการกุศล ในการแถลงข่าว นายอุปกิต พนมมือยกขึ้นท่วมหัว สาบานทั้งน้ำตาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าตนและครอบครัวไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจยาเสพติดอย่างที่ถูกกล่าวหา หากใครที่ใส่ร้ายตนเองและครอบครัว ขอให้ประสบพบเจอแต่ความวิบัติ