ขยี้ข่าวใหญ่ : ไม่ทนแล้ว ฝุ่น PM2.5 กระทบสุขภาพ

วันที่ 19 มี.ค. 2566 เวลา 12:02 น.

ข่าวเด็ด 7 สี - เรื่องฝุ่น PM2.5 ปัญหาใหญ่ที่ทำลายสุขภาพคนไทยในหลายพื้นที่ตอนนี้ จนบางคนทนไม่ไหว อยากจะย้ายถิ่นฐานที่อยู่กันเลย ไม่อยากจะมานั่งทนสูดดมฝุ่นควันกันแล้ว เนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพ ชัดเจนมากขึ้นทุกวัน มีเพจดัง ออกมาโพสต์ข้อมูล พร้อมกับภาพทิชชู่เปื้อนเลือด และเครื่องปรับอากาศที่ฝุ่นหนาติดอยู่ตรงแผ่นกรองอากาศ พร้อมบอกว่า "ช่วยแนะนำจังหวัดที่อากาศยังพออยู่ได้หน่อย จะพาลูกหนีแล้ว ไม่ไหวกันแล้ว อยู่ที่กำแพงเพชร ตอนนี้เข้าโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลจะพาลูก ๆ หนี ขนาดติดเครื่องฟอกอากาศทั้งบ้านทุกห้องนะ" พอเราเข้าไปดูต้นโพสต์ของคุณแม่ท่านนี้ ก็พบว่า ปัญหาน่าจะเกิดจากการเผาในพื้นที่ เพราะแอร์ก็ล้างบ่อย ยังมีสภาพแบบนี้ อีกบุคคลมีชื่อเสียง ที่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 พี่เป็กกี้ ศรีธัญญา พิธีกรชื่อดัง โพสต์ไอจีส่วนตัวว่า "PM2.5 มันร้ายมากนะ น้ำมูกไหลเป็นน้ำตก ปวดหัวเหมือนจะระเบิด อาการเหมือนคนสำลักน้ำ" ต้องบอกว่า เรื่องฝุ่น PM2.5 หลายคนอาจจะยังไม่ตระหนักในการป้องกัน ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังไม่แก้ปัญหาให้เด็ดขนาด แต่เรื่องนี้ย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะแม้ฝุ่นจะเล็ก แต่ปัญหาที่มีต่อสุขภาพ ไม่เล็กอย่างที่คิด ถ้าดูสถิติผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ซึ่งรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า มีผู้ป่วยมากถึง 1,644,645 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคทางเดินหายใจมากที่สุด อยู่ที่ 722,591 คน รองลงมา เป็นกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 326,347 คน ตามมาด้วย กลุ่มโรคตาอักเสบ 301,213 คน และกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด และสมองอุดตันขาดเลือด 262,132 คน นี่แค่ 3 เดือนกว่า ๆ เท่านั้น ไม่รู้จนสิ้นปี ตัวเลขผู้ป่วยจะไปหยุดที่ตรงไหน ยังมีข้อมูลผลกระทบกับสุขภาพที่น่าตกใจออกมาอีก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรัตน์ ตันประเวช หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก พาดหัวอ่านแล้วต้องสะดุ้ง "โง่ลง เพราะ PM2.5" โดยอ้างอิงถึง งานวิจัย PM2.5 ในสหรัฐอเมริกา ที่บอกว่า ผู้ที่อยู่ในถิ่นที่อากาศไม่สู้ดีนัก พบว่า โครงสร้างสมองเปลี่ยนไป ความหนาตัวของเซลล์ประสาทนึกคิด มันบางลง ซึ่งเป็นตำแหน่งความฉลาดด้วย อีกงานวิจัยดูความจำ ความคิดเร็ว ก็พบว่าเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยบอกอีกว่า PM2.5 เพิ่มอัตราการทุพพลภาพผู้สูงวัย และลดพัฒนาการสมองเด็ก อาจมีคำถามว่า หากเจอ PM2.5 กันทุกปีแบบนี้ เราไม่ต้องอยู่ในสังคมที่อุดมไปด้วยคนที่เป็นโรคสมองเหรอนี่ ก็ต้องบอกว่ามันไม่เป็นกับทุกคน แต่มันเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพก็ดูแล้วน่าจะไม่เบา ทำให้ประชาชนบางส่วน ไม่ทน ถึงขั้นยื่นฟ้อง ขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลย โดยก่อนหน้านี้ นายภูมิ วชร เจริญผลิตผล ตัวแทนภาคประชาชนที่เชียงใหม่ ได้ยื่นฟ้อง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่สั่งการให้แก้ปัญหาผลกระทบจากมลพิษฝุ่น PM2.5 โดยศาลปกครองเชียงใหม่ ได้มีคำสั่งรับคำฟ้อง และ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลฯมีคำสั่งนัดไต่สวนคู่กรณี โดยให้ผู้ฟ้องคดี ไปให้ถ้อยคำต่อศาล พร้อมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมีศาตราจารย์นายแพทย์ชายชาญ โพธิรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำผลงานวิจัย ผลกระทบสุขภาพจาก PM2.5 เข้าเป็นพยานต่อศาลด้วย อย่างไรก็ตาม บางหน่วยงาน มีความพยายามในการแก้ปัญหา อย่างกรุงเทพมหานคร ก่อหน้านี้ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินมาตรการ การปฏิบัติงานในที่พัก หรือ การ Work From Home ของลูกจ้าง และข้าราชการในสังกัด เพื่อลดการเดินทาง ลดมลพิษจากรถยนต์ ล่าสุดก็ยังมีความพยาบาลแก้ปัญหา จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ที่ออกมาตรการเร่งด่วน ในการแก้ปัญหา PM2.5 เช่น - การปิดป่าที่เกิดไฟป่าระดับวิกฤต หรือ เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าขั้นรุนแรง ระดมสรรพกำลัง ลาดตระเวนเฝ้าระวัง และดับไฟอย่างเข้มข้น - ให้ มท.กำชับทุกจังหวัด ประกาศห้ามเผาในทุกพื้นที่ และเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กำชับให้งดรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในช่วงนี้ - ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการจำกัดเวลา พื้นที่ และปริมาณ รถบรรทุกที่จะเข้ามาในเขตเมือง - ให้บังคับใช้กฎหมาย กับผู้ลักลอบเผา หรือผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด - ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทำฝนหลวงบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ส่วนความคืบหน้าด้านกฎหมาย ที่จะมาเป็นกลไกแก้ไขปัญหา "ชีวิตจมฝุ่นพิษ" ให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ผ่านกระบวนการออกกฎหมาย ซึ่งก็มีทั้งร่างกฎหมายที่ถูกตีตก และ ร่างฯที่ผ่าน สภาฯ เข้าไปได้ แต่ก็ยังค้างเติ่งอยู่ในการพิจารณา หนึ่งในนั้น คือ ร่างพระราชบัญญัติกำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาด เพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ของภาคประชาชน ที่มีการขับเคลื่อน หวังผลให้ทุกคนในประเทศไทย มีสิทธิขั้นพื้นฐาน ในการเข้าถึงอากาศที่สะอาด ปลอดภัย มาเกือบ 1 ปี แล้ว ท่ามกลางการนับถอยหลังเลือกตั้งใหม่ หลายพรรคการเมืองก็เริ่มหาเสียงเปิดโนบายด้านสิ่งแวดล้อมออกมา แต่ผู้เสนอร่างกฎหมายฯ กลับยังกังวลว่า กฎหมาย ก็จะยังค้างเติ่ง ชีวิตคนในชาติก้าวไม่พ้น จมฝุ่นพิษต่อไป การแก้ปัญหาในภาพกว้างของสังคม อาจจะต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ รัฐบาลแต่ถ้าตราบใดมันยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และปัญหาก็ยังไม่หมดไป เราในฐานะประชาชน คงได้แต่พึ่งตัวเองไปก่อน สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ที่สำคัญช่วยกันหลีกเลี่ยง ไม่เป็นส่วนหนึ่งในการก่อมลพิษ และนี่คือขยี้ข่าวใหญ่ที่เรานำมาฝากกันวันนี้