ตำรวจปลอม ตุ๋นเช่าวัตถุมงคล นำภาพ พ.ต.อ. มาใช้ในบัญชีม้า

วันที่ 8 ก.พ. 2566 เวลา 11:23 น.

สืบนครบาล รวบตำรวจปลอม ตุ๋นเช่าวัตถุมงคล โดยนำภาพ พ.ต.อ.มาใช้ประกอบกับบัญชีม้าเพื่อให้เหยื่อวงการพระเครื่องเชื่อถือ พบประวัติทำผิดซ้ำซาก 7 คดี เสียหายกว่า 2 ล้าน ความคืบหน้าผู้เสียหายร้องเรียนผ่านเพจ “ สืบสวนนครบาล IDMB ” ซึ่งถูกคนร้ายใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี  พีท ท่าพระจันทร์ โดยแอบอ้างใช้รูปตำรวจยศ พันตำรวจเอก นำมาประกอบ และใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี  ผมจะลาก มึงเข้าคุก  สร้างความน่าเชื่อถือหลอกลวงประชาชนผู้สุจริต มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเดโช ทองประเสริฐ อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ โดยกล่าวหาว่า นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยหลอกลวงโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นอกจากนี้ ตำรวจยังได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสระบุรี เข้าตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหาด้วย จากการสืบสวนพบนายเดโช  เคยถูกจับกุมตัวแล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำ โดยเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กเพื่อกลับมาก่อเหตุ อาทิ ชื่อบัญชี  Wisa Audtho (โจ๊ก พระประแดง) ชื่อบัญชี  ไพรัช เซ็งปากน้ำ  ชื่อบัญชี  Pee Mora Dok Thai  ชื่อบัญชี แจ๊ค ท่ามหาราช ชื่อบัญชี เอก มรดกไทย   ชื่อบัญชี  พีท ท่าพระจันทร์ และชื่อบัญชี  ผมจะลาก มึงเข้าคุก  โดยในส่วนของชื่อบัญชีผมจะลาก มึกเข้าคุก นั้น คนร้ายได้มีการนำภาพของข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ. ไปประกอบเข้ากับชื่อบัญชีม้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกเช่าบูชาพระเครื่อง วัตถุมงคล จนมีผู้เสียหายลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่ารับสารภาพ ว่าสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม เพื่อโพสต์ขายพระและเครื่องราง วัตถุมงคล ในกลุ่มต่างๆ กว่า 150 กลุ่ม โดยจะเข้าไปโพสต์ขายในราคาที่ถูกกว่าราคาที่ลงขาย เมื่อมีผู้สนใจก็จะให้ลูกค้าโอนเงินค่าวางมัดจำมาก่อน จากนั้นผู้ต้องหาจะทำนิ่งเฉยไม่ส่งวัตถุมงคลให้ และได้นำภาพของข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ. มาทำเป็นภาพประกอบ ให้มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งปรับลดราคาค่ามัดจำวัตถุมงคลให้มีราคาถูกลงเพื่อให้ลูกค้าสนใจรีบโอนเงินค่ามัดจำเร็วขึ้น   จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเดียวกันนี้มาแล้ว จำนวน 7 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2562 แต่ยังไม่เข็ดหลังได้รับการพิจารณาโทษรอลงอาญา ยังคงก่อเหตุในลักษณะเดิมซ้ำซาก รวมมูลค่าความเสียหายจนถึงปัจจุบัน กว่า 2 ล้านบาท