คุม รปภ.โหด ฆ่ายัดผ้านวมทิ้งบ่อขยะ ทำแผนฯ จ.ปราจีนบุรี

วันที่ 5 ก.พ. 2566 เวลา 04:28 น.

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - รปภ.โหด ที่ก่อเหตุฆ่าหญิงสาว พันธนาการมัดมือ มัดเท้า ยัดผ้านวม ทิ้งบ่อขยะในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ถูกตำรวจคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยอ้างว่าหญิงสาวขอตีตัวออกหาก และระหว่างการทำแผน หวิดเกิดเหตุรุมประชาทัณฑ์ เพราะครอบครัวผู้เสียชีวิตโกรธแค้นผู้ก่อเหตุ  ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี และ สภ.ระเบาะไพ่ นำกำลังคุมตัว นายพิษณุ หรือ บอย อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดสุโขทัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปราจีนบุรี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ หลังก่อเหตุฆ่า นางสาวกตชภรณ์ อายุ 38 ปี พันธนาการมัดมือ มัดเท้า นำศพยัดผ้านวมทิ้งบ่อขยะ พื้นที่หมู่ 4 ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ โดยจุดทำแผนฯ จุดแรก คือบริเวณหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเช่าที่ นายบอย เพิ่งมาพักอาศัยได้ประมาณ 1 เดือน ส่วนจุดที่ 2 คือบ่อขยะที่นำศพไปทิ้งอำพราง และตลอดการทำแผนฯ มีคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิต และชาวบ้านที่รู้ข่าว เดินทางมามุงดูกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตรึงกำลังโดยรอบ หวั่นเกิดเหตุรุมประชาทัณฑ์เกิดขึ้น  สำหรับ นายบอย ถูกจับกุมได้ขณะได้ขออาศัยอยู่ที่บ้านญาติ ในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ สอบสวนให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่า นางสาวกตชภรณ์ จริง เพราะหึงหวง หลังจากที่แอบคบหากันได้ประมาณ 1 ปีเศษ พยายามทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว หลังพ้นโทษออกมา จึงไปสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่โรงงานแห่งหนึ่ง และให้เงินผู้เสียชีวิตใช้มาโดยตลอด ทั้งที่รับรู้ว่าผู้เสียชีวิตมีแฟนเป็นสาวหล่อที่คบกันมานานกว่า 10 ปี ระยะหลังหญิงสาวพยายามตีตัวออกหาก แต่ตนเองรักผู้เสียชีวิตมาก กระทั่งคืนเกิดเหตุ 26 มกราคม โทรศัพท์ให้ผู้เสียชีวิตมาหาที่ห้องพัก ก่อนมีปากเสียงทะเลาะกัน จึงลงมือบีบคอจนแน่นิ่ง และใช้ผ้าห่มที่ผู้เสียชีวิตนำมาให้ ห่อศพไปทิ้งที่บ่อขยะ ซึ่งเคยไปเก็บของเก่าขาย จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปที่บ้านญาติ ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว นอกจากคำรับสารภาพ ผู้ต้องหายังจำนนต่อหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมได้ทั้งกล้องวงจรปิด พยานบุคคล รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย หรือทำลายศพ ด้านพี่ชายของผู้เสียชีวิต ซึ่งมาดูการแถลงข่าว และการทำแผนฯ อยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุด เพราะก่อเหตุซ้ำซาก