ชูวิทย์ จี้ ผบช.น. เปลี่ยนทัศนคติการทำงานใหม่

วันที่ 3 ก.พ. 2566 เวลา 16:34 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เปิดบทสัมภาษณ์พิเศษ "ชูวิทย์" แนะนำผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติการทำงานใหม่ หลังตำรวจตกเป็นเป้าโจมตี จากประเด็นปัญหารีดเงินนักท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในคดีที่สั่นคลอนวงการตำรวจอย่างมาก เมื่อ "อันหยูชิง" ดาราสาวไต้หวัน อ้างว่าถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดเงิน 27,000 บาท ซึ่งช่วงแรกเจ้าหน้าที่เรียงแถวออกมาปฏิเสธ ก่อนที่ นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง จะพานาย สกาย ชาวสิงคโปร์ พยานคนสำคัญ ออกมาให้ข้อมูล จนนำไปสู่การดำเนินคดีเอาผิดตำรวจ 6 นาย ข้อหาหนัก ทั้ง ม.157 และ ม.149 มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตนั้น นาย ชูวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าว "เช้านี้ที่หมอชิต" ว่า ส่วนตัวมองว่าเหมาะสมแล้ว ที่ตำรวจ 6 นาย เข้าไปใช้ชีวิตในคุก แต่ทั้งหมดคงต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อย เพราะส่วนใหญ่คนในคุก ไม่ค่อยจะมีใครชอบตำรวจอยู่แล้ว นอกจากนี้ นาย ชูวิทย์ ยังวิพากษ์วิจารณ์ตรง ๆ ไปถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติการทำงานใหม่ทั้งหมด หากทำผิดควรยอมรับตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะไม่เลวร้ายแบบนี้ นอกจากประเด็นตำรวจรีดเงินเหยื่อแล้ว เรื่องราวของ "บุหรี่ไฟฟ้า" ได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง อย่างนาย สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กบางช่วงว่า #บุหรี่ไฟฟ้า #เครื่องมือตบทรัพย์นักท่องเที่ยว ตำรวจและศุลกากร เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าจริง ๆ หรือเพราะว่า 1.ตำรวจท้องที่ละเลย ปล่อยให้จ่ายส่วยขายส่งบุหรี่ไฟฟ้า ที่พบเห็นเกลื่อนเมือง ด้วยโทษจำคุกและปรับที่รุนแรง ได้กลายเป็นช่องทางสบโอกาสให้ตำรวจนอกแถว ใช้เรียกรับเงิน และรีดตบทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.ด่านศุลกากร ปล่อยให้มีการนำเข้าประเทศแบบมโหฬารจริง ๆ หรือ เพราะการข่าวหน่วยปราบปรามด้านคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า ปล่อยให้นำเข้าครั้งละหลายตู้คอนเทนเนอร์ พ่อค้ายอมจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตนำผ่านด่านศุลกากร ดังนั้นการจับผู้ค้ารายย่อย หรือผู้พกพา จึงเป็นแค่การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ และแทบไม่มีทางสำเร็จ ฉะนั้นควรจัดการที่ต้นทางของปัญหา บังคับใช้กฏหมายอย่างเด็ดขาด และต้องร่วมมืออย่างจริงจัง จึงจะจัดการได้สำเร็จ