3 เยาวชนสำนึกผิด เข้าขอโทษเจ้าของร้านขายของชำ บุกขโมยถ่าน เหตุก๊าซหมดทอดหมูไม่สุก

วันที่ 25 ม.ค. 2566 เวลา 07:39 น.

จากกรณีที่กล้องวงจรปิดภายในร้านถูกดีทรายทอง พื้นที่ ม.1 คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ที่บันทึกภาพเหตุการณ์คนร้ายเข้ามาขโมยของภายในร้านในยามวิกาล เวลา 03.41 น. วันที่ 24 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยกล้องจับภาพเป็นชายวัยรุ่นลักษณะผอมสูง ใส่เสื้อสีดำ กางเกงขาสั้นสีขาว เดินเข้ามาจากทางข้างร้าน ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำดื่ม 1 แพ็ก บริเวณชั้นวางของด้านหน้าร้าน หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวยังเอื้อมไปหยิบถุงถ่านสีดำ 1 ถุง ก่อนจะวิ่งออกไป จากนั้นไม่ถึง 5 นาที คนร้ายได้วกกลับเข้ามาอีกพร้อมเพื่อนชายอีก 1 คน ก่อนจะวิ่งไปข้างร้าน เพื่อดูดน้ำมันรถซาเล้งที่จอดอยู่ข้างร้าน โดยหัวขโมยคนแรกได้หยิบขวดเปล่าภายในร้านเอาไปใส่น้ำมัน ซึ่งหลังได้น้ำมันไปแล้วได้วิ่งออกจากร้านไป โดยหัวขโมยทั้งสองคนยังได้หยิบถุงถ่านไปอีกคนละถุง ล่าสุดช่วงค่ำวันที่ 24 ม.ค. 66 หัวขโมยที่เข้ามาขโมยของได้เดินทางกลับมาที่ร้านถูกดีทรายทอง  เพื่อเข้ามาขอโทษ นายบรรจง สังเกตกิจ อายุ 30 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งทั้งหมดเป็นเยาวชนอายุ 16-17 ปี ประกอบด้วย นายหนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นายสอง (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และ นายสาม (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเยาวชนทั้งสามได้เข้ามายกมือไหว้ขอโทษและจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก นายสาม เปิดเผยว่า ตนเองเห็นข่าวออกไปก็สำนึกผิด จึงได้คุยกับเพื่อนๆ เพื่อเดินทางมารับผิดชอบและขอโทษเจ้าของร้าน  โดยคืนวันที่ 23 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา เพื่อนๆ ได้มาที่บ้านของตนตอนดึก ตนเองรู้สึกหิวจึงได้เปิดเตาแก๊สเพื่อทอดหมู แต่ระหว่างทอดหมูอยู่นั้น ก๊าซเกิดหมด แต่หมูยังไม่ทันสุก จำได้ว่าร้านขายของชำภายในหมู่บ้านมีถ่านวางอยู่หน้าร้าน จึงได้ชวนกันออกไป และด้วยความคึกคะนองประกอบกับความหิว จึงตั้งใจไปขโมยถ่าน เมื่อไปถึงร้าน นายหนึ่ง ได้เดินเข้าไปก็พบถ่านวางอยู่ แต่ด้วยน้ำที่จะนำมาต้มน้ำกระท่อมหมด นายหนึ่งจึงหยิบน้ำออกมาด้วย 1 แพ็ก พร้อมกับถ่าน 1 ถุง เมื่อเดินมาถึงรถแล้วได้คุยกันว่า จะติดไฟจากถ่านอย่างไร นายสองจึงมีความคิดว่าใช้น้ำมันเบนซินช่วยในการจุดถ่าน จึงได้วิ่งกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับนายหนึ่ง เพื่อไปดูดน้ำมันจากรถซาเล้งที่จอดอยู่ข้างร้าน และก็หยิบถุงถ่านออกมาอีกคนละหนึ่งถุง จากนั้นก็กลับไปทอดหมูและต้มน้ำกระท่อมตามที่ได้วางแผนกันไว้ ด้าน นายบรรจง เปิดเผยว่า ดีใจที่เด็กกลุ่มนี้สำนึกผิด และมาขอโทษ ตนเองไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด เพราะเป็นเด็กในซอยบ้านเดียวกัน ก็ได้สั่งสอน พร้อมบอกว่า หากไม่มีกินก็ให้มาขอ อย่ามาขโมยอีก เพราะเราเป็นคนบ้านเดียวกัน เล็กๆน้อยๆ แบ่งปันกันได้ ซึ่งเด็กๆ ก็รับปากตนว่า จะไม่ไปก่อเหตุในลักษณะนี้กับร้านค้าที่ไหนอีก