แอปดูดเงิน! "ดีอีเอส" เปิดรายชื่อแอปอันตราย กว่า 200 แอป เตือนอย่าโหลด

วันที่ 20 ม.ค. 2566 เวลา 12:34 น.

แอปดูดเงิน! ดีอีเอส เปิดรายชื่อแอปอันตราย กว่า 200 แอป เตือน ปชช.อย่าโหลด อาจสูญเงินและข้อมูลส่วนตัวได้ ประสาน Play Store หรือ App Store ไม่ให้มีแอปฯ เหล่านี้ในระบบ ป้องกันไม่ให้ประชาชนหลงกล แอปดูดเงิน วันนี้ (20 ม.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของมัลแวร์อันตราย ที่มาในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งดีอีเอส และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้มีการตรวจสอบมาโดยตลอด โดยพบปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้งานโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกระบุว่าสามารถขโมยข้อมูล หรือควบคุมเครื่องโทรศัพท์ได้ โดยในปี 2022 มีการเผยแพร่รายชื่อแอปพลิเคชันอันตรายเหล่านี้ ซึ่งมีมากกว่า 200 รายการ ทั้งในระบบ iOS และ Android ขอให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือตรวจสอบ หากพบแอปพลิเคชันดังกล่าวให้ถอนการติดตั้งโดยทันที และควรอัปเดตระบบของเครื่องโทรศัพท์ของตนเองให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ ดีอีเอส ขอแจ้งเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ลงบนโทรศัพท์มือถือ เพราะอาจจะไปเจอมัลแวร์อันตรายได้ เพราะหากมีการโหลดเข้าไปในเครื่องก็จะมีโอกาสที่จะถูกดูดข้อมูลส่วนบุคคล หรือถูกรีโมทเข้ามาควบคุมมือถือของท่าน ซึ่งถ้ามีเกี่ยวกับการเงินก็อาจจะถูกโอนเงินออกไป ที่เรียกว่าใช้แอปดูดเงิน และถ้าพบแอปฯ เหล่านี้อยู่ในมือถือของให้รีบลบออก ซึ่งขณะนี้ ดีอีเอสได้ประสานกับทาง Play Store หรือ App Store ไม่ให้มีแอปฯ เหล่านี้ในระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนหลงกลแล้วโหลดเข้าไป นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการสร้าง SMS โดยใช้ชื่อเดียวกับผู้ส่ง (Sender Name) ที่เป็นธนาคาร  แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้รับ SMS เข้าใจผิดและหลงเชื่อว่ามาจากหน่วยงานจริง ซึ่งโดยทั่วไปหน่วยงานส่วนใหญ่ได้ออกประกาศว่าจะไม่มีการส่งลิงก์ผ่าน SMS ให้กับผู้รับบริการ ดังนั้นจึงขอเตือนให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อคลิกลิงก์ที่มากับ SMS หรือเพิ่มเพื่อนจากไลน์ไอดี โดยให้สังเกตรูปแบบ เนื้อหาที่อาจเป็นสิ่งที่ดีเกินจริงหรือทำให้หวาดกลัว เช่น “คุณได้รับอนุมัติวงเงินกู้ 50,000 บาท คลิกลิงก์...” หรือ “โปรดยืนยันรหัสผ่าน มิฉะนั้นบัญชีของท่านจะถูกระงับการใช้งาน ติดต่อไลน์ไอดี...” โดยอาจจะตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่ถูกระบุว่าส่ง SMS มาอีกครั้ง