เงินเฟ้อผลักราคาที่ดินในเมืองใหญ่ทั่วโลกพุ่ง

วันที่ 29 ธ.ค. 2565 เวลา 18:48 น.

ที่ดินเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนจำนวนมากโดยเฉพาะเศรษฐีจึงมักซื้อที่ดิน ทั้งเพื่อเก็งกำไรและลงทุน อย่างที่เราได้ยินข่าวบ่อยๆ เรื่องเศรษฐีไทยไปลงทุนซื้อบ้าน ซื้อที่ดินในต่างประเทศ เช่นเดียวกับของไทยที่ไม่นานมานี้มีข่าวรัฐบาลจะอนุญาตให้เศรษฐีต่างชาติที่หอบเงินมาลงทุนในไทยสามารถซื้อที่ดินได้ วันนี้ #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด จะนำผลสำรวจมาเล่าให้ฟังว่า ปีหน้าราคาที่ดินในเมืองใดของโลกจะแพงขึ้นมากสุด จากการคาดการณ์ เชื่อว่าปีหน้าที่ดินในเมืองใหญ่ทั่วโลกส่วนมากมีราคาสูงขึ้น เพราะยังเป็นที่ต้องการของเหล่าเศรษฐี ทั้งนี้ มาจากปัจจัยอย่างน้อย 3 ข้อ หนึ่ง ปีหน้าสถานการณ์เงินเฟ้อยังสูงอยู่ การลงทุนในที่ดินนับเป็นการรักษามูลค่าของเงินได้ดีกว่าถือเงินสดเอาไว้ และในยามเงินเฟ้อสูง ราคาที่ดินในเมืองหรือทำเลดีๆ มักเพิ่มสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ สอง ในภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองทั้งระดับนานาชาติและในหลายประเทศ เชื่อว่าทำให้อุปสงค์ความต้องการซื้อที่พักในต่างประเทศของเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น เพื่อหาบ้านหลังที่สอง หรือที่พำนักที่ปลอดภัยจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศตัวเอง สาม ราคาที่ดินในหลายเมืองของโลกเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจหรือการเมืองเป็นอย่างไร จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อ้างอิงข้อมูลจากบริษัท Knight Frank ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน ในปี 2023 เมืองที่ราคาที่ดินจะแพงขึ้นมากสุด ได้แก่ อันดับ 1 ดูไบ ปีหน้าคาดว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 13.5% อันดับ 2 ไมแอมี ปีหน้าคาดว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 5% อันดับ 3 ดับลิน ลิสบอน ลอสแอนเจลิส มาดริด ปารีส และสิงคโปร์ ปีหน้าคาดว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 4% อันดับ 9 ซูริก ปีหน้าคาดว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 3.5% อันดับ 10 โมนาโก มุมไบ และเซี่ยงไฮ้ ปีหน้าคาดว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 3% สำหรับเมืองใหญ่ในผลสำรวจที่ถูกคาดการณ์ว่า ราคาที่ดินจะลดลงมากสุด ได้แก่ ลอนดอนและโซล โดยทั้ง 2 เมืองถูกพยากรณ์ว่าราคาที่ดินจะตกลงราว 3% เมืองอื่นๆ ที่ราคาที่ดินลดลง คือ แวนคูเวอร์และเอดินบะระ ลดลง 2% ฮ่องกงลดลง 1.5% เมลเบิร์นลดลง 1% อย่างไรก็ตาม แม้ปีหน้าราคาที่ดินในเมืองใหญ่ที่ได้รับความนิยมจะยังแพงขึ้น แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะโตต่ำมาก เสี่ยงขยายตัวเหลือ 1.2% (ประเมินโดย Institute of International Finance) หรือ  1.3% (ประเมินโดย Citi Global Wealth Investment) เท่านั้น ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับตอนเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2009 ผลสำรวจของ Knight Frank จึงพบว่าราคาที่ดินในเมืองใหญ่ปี 2023 จะเพิ่มขึ้นที่ 2% ลดจากที่เคยประเมินไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน ที่เคยคาดว่าจะสูงขึ้น 2.7% เช่นกรณีของดูไบ ราคาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า 13.5% หลายคนอาจคิดว่าสูง แต่เอาจริง นี่คือระดับที่ชะลอลงจากปีนี้ หลายคนไม่ทราบ ปีนี้ราคาที่ดินในดูไบพุ่งขึ้นไปถึง 50% ทีเดียว สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาที่ดินในดูไบปีนี้แพงขึ้นมาจากความต้องการซื้อของเศรษฐีรัสเซีย ที่ต้องการที่พักที่ปลอดภัยหลังเกิดวิกฤตทั้งสงครามและการเมือง โดย ณ ต.ค. 2022 ราคาบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวในดูไบเพิ่มขึ้น 13% และยอดขายรวมสูงขึ้น 73% เทียบกับปี 2021 ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นเมืองเดียวในเอเชียที่ติด 10 อันดับแรกที่ปีหน้าราคาที่ดินจะสูงขึ้นมากสุด โดยสิงคโปร์ได้อานิสงส์จากการที่เศรษฐีชาวจีนย้ายมาพำนักเพื่อหลีกหนีมาตรการซีโรโควิดของรัฐบาล ที่ทำให้การอยู่อาศัยในจีนไม่สะดวกสบาย ประกอบกับเศรษฐีจีนบางส่วนเลือกมาลงทุนในสิงคโปร์เพราะเศรษฐกิจจีนกำลังถดถอย ทั้งหมดนี้คือสถานการณ์การลงทุนในที่ดินของเศรษฐีทั่วโลกปีหน้า ที่ #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด นำมาฝาก ..ท่ามกลางเงินเฟ้อสูง สงคราม และเศรษฐกิจโลกหดตัว ที่ดินในเมืองใหญ่ทั่วโลกยังคงเป็นทางเลือกที่นิยม