คอลัมน์หมายเลข 7 : ทลายมูลนิธิทุนจีนสีเทา โยงแก๊ง ตม. นอกรีต

วันที่ 12 ธ.ค. 2565 เวลา 20:15 น.

ข่าวภาคค่ำ - เอเย่นต์รับจ่ายเงินให้ตรวจคนเข้าเมืองแลกการเปลี่ยนประเภทวีซ่ายืนยันทำมาสามปีติดกันไร้ปัญหาไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เป็นอีกมหากาพย์การทุจริตในวงราชการที่ต้องเจาะลึก ว่าใครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ติดตามได้ในคอลัมน์หมายเลข 7 กับคุณมะลิ แซ่ฉิ่น พาสปอร์ตหลากหลายเล่มที่เห็นอยู่นี้เป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตำรวจตรวจค้นได้บ้านหลังหนึ่ง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเจาะลึกพบว่าที่นี่เป็นบ้านของเอเย่นต์ชาวจีนรับต่อวีซ่าให้กลุ่มชาวต่างชาติ เพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าต่ออายุอยู่ในราชอาณาจักรไทย จากวีซ่าท่องเที่ยว ที่มีสิทธิ์อยู่ในประเทศไทยได้ 30 หรือ 60 วันเป็นการเปลี่ยนแบบวีซ่าประเภทห้า คือการเป็นมูลนิธิองค์กรซึ่งจะได้การต่ออายุแบบระยะยาว 1 ปี  ซึ่งแต่ละปี เฉพาะที่นี่มียอดอนุมัติสูงหลักร้อย โดยมีนายกรกฤต จิตธรรม แสดงตนเป็นประธานมูลนิธิ ครีเอทิง บาลานซ์ เค้ายอมรับว่าทำลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว โดยชาวต่างชาติไม่จำเป็นต้องมาแสดงตน ยังมีมูลนิธิในลักษณะเดียวกันนี้อีกนับ 100 ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเข้าตรวจค้นหลังตำรวจบุกเข้าตรวจค้นระลอกแรก 53 จุด 18 จังหวัด เมื่อไปรวมกับผลการสอบสวนหัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง 26 จังหวัด จะพบว่าหลักฐานที่ได้มามีความเชื่อมโยงต่อกัน ทั้งในพื้นที่ภาคสี่และภาคห้า ซึ่งอยู่ในโซน ภาคอีสานและภาคเหนือ โดยกลุ่มคนต่างชาติเหล่านี้จะใช้ วีซ่า เข้ามาท่องเที่ยวก่อน จากนั้น ก็จะหาช่องทางการยื่นขอต่ออายุ จากกลุ่มมูลนิธิ ที่มีการต่อวีซ่า โดยทำร่วมกันอย่างเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่ จัดตั้งมูลนิธิมารับรอง มี่ทั้งเปิดใหม่ และสวมชื่อมูลนิธิเก่าที่ไม่มีความเคลื่อนไหว เพื่อให้คนจีน ได้รับรองการเป็นอาสาสมัครทำสาธารณะประโยชน์ อีกแบบคือการยัดรายชื่อเข้าไปเป็นกลุ่มนักเรียน เรียนภาษา ซึ่งเป็นการจัดเอกสารปลอม หลังจากนั้นไม่นานพาสปอร์ต ก็จะถูกส่งไปยังอีกภูมิภาค เช่น ภาคกลางไปภาคเหนือ ภาคอีสาน เพื่อไปลงตราวีซ่า เป็นลักษณะการต่อวีซ่าประเภท 5 ซึ่งนิยมทำกันมาก ในช่วงโควิดระบาด เท่านี้ก็จะอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายโดยมีสนนราคาที่ต้องจ่ายต้นทางอยู่ที่ 30,000-50,000 บาทต่อราย เพื่อให้หลักฐานดูแน่นหนา ตอนนี้ตำรวจกำลังลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐาน การลงตราในแต่ละพื้นที่เป้าหมาย เพื่อหาความเชื่อมโยงว่ากลุ่มขบวนการนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง และใครที่ได้รับเม็ดเงินจากการต่ออายุให้กลุ่มจีนเทา อยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เพราะโดยหลักการแล้วลักษณะของการอนุมัติจะแบ่งประเภทอย่างชัดเจน อยู่ในอำนาจของผู้กำกับหรือหัวหน้าสถานี และถ้าเกินกว่านั้นก็จะเป็นหน้าที่ของผู้บังคับการ ข้อมูลนี้จะเชื่อมโยงกับข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดเผยมาสามรายชื่อตามอักษรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เอาผิดขบวนการเปลี่ยนแปลงวีซ่าของแก๊ง ตม.นอกรีต ขีดเส้นสรุปผลส่ง ผบ.ตร.ภายใน 15 วันจะเอาจริงเอาจัง แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมจริงหรือไม่ จะเชื่อได้ว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูตามที่พูดหรือเปล่า มีแต่ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำเท่านั้น