คอลัมน์หมายเลข 7 : เปิดเส้นทางส่วยวีซา ทุนจีนสีเทา เอี่ยวเพื่อนร่วมรุ่นบิ๊กโจ๊ก ?

วันที่ 8 ธ.ค. 2565 เวลา 20:11 น.

ข่าวภาคค่ำ - ยังไม่จบง่าย ๆ สำหรับทุนจีนสีเทา ที่เรียกว่าสาวไปที่ไหนก็เจอไส้เน่าที่นั่น ล่าสุดมีการเปิดข้อมูล 3 นายพลตำรวจ พัวพันรับส่วยวีซาทุนจีนสีเทา จะขยายผลไปถึงไหน เส้นทางส่วยวีซาทำกันอย่างไร ไปติดตามกับคุณมะลิ แซ่ฉิ่น เหลืออีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็จะครบเส้นตายที่ บิ๊กโจ๊ก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล หัวหน้าทีมทลายทุนจีนสีเทา กำหนดไว้ว่าจะปิดคดีนี้ ขณะที่ยิ่งสาวก็ยิ่งพบธุรกิจสีเทา พันไปถึงผู้คนหลากหลายวงการ ล่าสุดเป็นคิวของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ตกเป็นจำเลย รับส่วยร่วมด้วยช่วยแปลงวีซาให้กลุ่มทุนจีนสีเทา เรียกว่าทำกันแบบเป็นขบวนการ เปลี่ยนผ่านวีซาท่องเที่ยว เป็นวีซาทำธุรกิจ วีซานักเรียน อาสาสมัครมูลนิธิ โดยมูลนิธิ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน จากนั้นไปยื่นให้ ตม.อนุมัติ ก็จะผ่านฉลุย อยู่ในประเทศไทยแบบถูกกฎหมาย ซึ่งจากข้อมูลของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ระบุว่า มีราคาค่าใช้จ่ายอยู่ที่รายละ 1-3 แสนบาท เลยทีเดียว ที่สำคัญมี 3 นายพลเกี่ยวข้อง โดยมีพลตำรวจตรี เพื่อนร่วมรุ่นบิ๊กโจ๊ก มีเอี่ยวด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ชุดสอบสวนก็มีการเรียกตำรวจระดับหัวหน้าสถานีของ สตม. 26 สถานีจากทั่วประเทศ ที่พัวพันกับการออกเอกสารให้ทุนจีนสีเทา มารีดข้อมูลถึงเส้นทางการรับส่วยวีซากันไปแล้ว สำหรับข้อมูลการเปลี่ยนประเภทวีซาผ่านมูลนิธิ รอบ 3 ปีที่ผ่านมา ใน 10 จังหวัดภาคอีสาน ปี 2563 มีมากถึง 3,709 ราย และในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 3,974 ราย ก่อนจะลดลงเหลือแค่ 3 รายในปีนี้ รวมมีจำนวนต่างด้าวที่ขอเปลี่ยนประเภทวีซาผ่านมูลนิธิรอบ 3 ปี มากถึง 7,686 ราย ถ้าคิดกันแบบกลม ๆ นำตัวเลขนี้ไปคูณกับค่าใช้จ่ายส่วยวีซา เอาแค่ราคาต่ำสุดที่ 100,000 บาท ก็จะเป็นเงินมากถึง 768.6 ล้านบาท แต่ถ้าคูณที่ตัวเลขสูงสุดคือ 300,000 บาท จะได้เงินมากถึง 2,305.8 ล้านบาท ถือเป็นเงินสีเทาก้อนมหึมาเลยทีเดียว และที่น่าสนใจคือ เหตุใดในปี 2565 ตัวเลขการเปลี่ยนประเภทวีซาผ่านมูลนิธิ จึงลดลงฮวบจากเกือบ 4,000 ในปี 2563 และ 2564 เหลือแค่ 3 รายเท่านั้น จะเกี่ยวพันกับที่ระดับหัวของ สตม. มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องขยายผล คอลัมน์หมายเลข 7 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่อยู่ของหนึ่งในมูลนิธิที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของตำรวจ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ตั้งอยู่ห่างจากโรงพักไปประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น สภาพบ้านเป็นบ้านแฝด ชั้นครึ่ง ข้างบ้านเป็นบ้านรกร้าง สภาพโดยรอบมีรั้วรอบขอบชิด มีการล็อกประตูจากด้านนอก โดยในระหว่างที่เราลงพื้นที่ ยังมีรถเจ้าหน้าที่ ตม.เข้ามาเก็บภาพบ้านหลังดังกล่าวด้วย และในวันพรุ่งนี้ตำรวจเตรียมเข้าค้นมูลนิธิ 53 แห่ง ใน 14 จังหวัดด้วย การสยายปีกของทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย คงไม่สามารถหยั่งรากลึกได้ขนาดนี้ หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเปิดทางให้ และนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ชุดสอบสวนต้องขยายผล สาวไปให้ถึงเบื้องลึก เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นคนโตในแวดวงสีกากี หรือคนใหญ่ในแวดวงการเมือง