สันธนะแฉยับ บ.ชูวิทย์ เล่นกลภาษี ลั่นขอเป็นผู้ร้ายเดินหน้าตรวจสอบตาม รธน

วันที่ 7 ธ.ค. 2565 เวลา 13:10 น.

สันธนะ แฉยับ บ.ชูวิทย์ เล่นกลภาษี ลั่นขอเป็นผู้ร้ายเดินหน้าตรวจสอบตาม รธน. สันธนะแฉชูวิทย์ยับ วันนี้(7 ธ.ค.2565) เวลาประมาณ 10.00 น. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย หลังจากออกมาเปิดโปงกลุ่มทุนจีนสีเทาหลายกลุ่ม ชูวิทย์ถูกแฉครั้งนี้ นายสันธนะ กล่าวว่า ก่อนที่ตัวเองจะมากล่าวถึงใคร หรือตำหนิใคร ต้องตรวจสอบมาแล้วอย่างละเอียด แต่กับคนอีกกลุ่ม พวกเศษขยะหรือเศษเหล่านี้มันไม่ใช่ ไม่เคยมองตัวเอง มัวแต่หาช่องทางน่าสนใจแล้วนำเสนอเรื่องทำให้สังคมต้องวุ่นวาย ก็ต้องออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอาบ อบ นวด ของนายชูวิทย์ ต้องตั้งคำถามว่ารายได้ที่เกิดมา เกิดมาจากส่วนไหน เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เมื่อคิดรายได้รายจ่ายเจ้าหน้าที่ ไม่คุ้มค่าก็ขายทิ้งมาทำธุรกิจในปัจจุบัน พร้อมยกชื่อของบริษัทสุขมวิท ศิลเวอร์ สตาร์, บ.ต้นตระกูล และ บ.สมบัติเติมตระกูล ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเครือญาติของนายชูวิทย์เป็นกรรมการ ซึ่งนายสันธนะ ระบุว่า กรรมการบริษัทยืมเงินจากบริษัทเอง ดอกเบี้ย 0% ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาว แล้วเสียภาษีหรือไม่ เป็นการเล่นกลถ่ายเงินกันเองหรือไม่ ทั้งที่ดำเนินกิจการขาดทุน แต่มีกรรมการกู้เงินจากบริษัท ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาว และที่ดินที่ครอบครอง เพิ่งไถ่ถอนจากธนาคารเมื่อช่วง ก.ค.ปีนี้ จึงตั้งคำถามว่าได้เงอนมาจากไหน ส่วนเรื่องทุนจีนที่ลงทุน หลายคนดำเนินธุรกิจถูกต้อง เช่นจ้าวเหว่ยที่ลงทุนใน สปป.ลาว การท้าเขาให้ไปสหรัฐอเมริกาแบบนี้ ก็ขอท้าให้นายชูวิทย์ ไป สปป.ลาว บ้าง ว่าจะกลัาไปหรือไม่ ที่ผ่านมาการดำเนินคดีกับกลุ่มธุรกิจ 0 เหรียญนั้น ตอนจับกุม ยกกำลังไปมากมายหลายหน่วย ยึดทรัพย์มหาศาล แต่มีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหนึ่ง ศาลสั่งให้คืนทรัพย์สินแก่จำเลย สุดท้ายเจ้าหน้าที่เกี่ยงกันไม่ยอมดำเนินการอ้างว่าไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้นายสันธนะยังกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวด้วยว่า หลังถูกจับกุม ได้ยื่นประกันวันแรกตั้งแต่วันแรกแค่ครั้งเดียว จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยื่นประกันตัวอีกเลย ต้องถูกคุมขังเสียอิสรภาพ ไม่มีโอกาสชี้แจง ถูกอีกฝ่ายป้ายสีอยู่อย่างเดียว สำหรับการดำเนินคดีในเรื่องต่าง ๆ ที่ตรวจสอบนั้น ยืนยันว่ามีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ดำเนินการแล้ว 9 คดี ที่เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ การที่มีคนถามว่ามีหน้าที่อะไร ก็ขอถามว่าชูวิทย์มีหน้าที่อะไรที่มาตรวจสอบทุนจีน ส่วนตัวรอดคุกมาได้ แต่อีกฝ่ายเป็นพวกคนขี้คุก ถ้าผู้คนยกอีกฝ่ายว่าเป็นพลเมืองดี ส่วนตัวก็ขอเป็นพลเมืองร้าย เรียกว่าเป็นผู้ร้ายก็ได้ แต่จะเดินหน้าตรวจสอบ สำหรับคดีที่นายสันธนะร้องเรียนแบ่งเป็น นายชูวิทย์ วันที่ 5 พ.ย.2565 โรงแรมเดวิสคดีมั่วสุมยาเสพติดฯ และเปิดสถานบริการเกินเวลาฯ วันที่ 9 พ.ย.2565 ดูหมิ่นซึ่งหน้าฯ(ท้าชก), หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ(สัมภาษณ์คุยโทรศัพท์กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์) และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ (โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่าหากินเก็บค่าจอดรถตลาดดอนเมือง) 3 ธ.ค.2565 แจ้งความนายชูวิทย์ ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ กรณีเผชิญหน้ากันที่รัฐสภา 6 ธ.ค.2565 เข้าร้องเรียนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ฐาน ก่อความวุ่นวาย บุกรุกเขตหวงห้ามรัฐสภา ทอม เครือโสภณ 7 พ.ย.2565 สน.ลุมพินี นายจุลภาศ เครือโสภณ หรือ ทอม ข้อหา หมิ่นประมาทฯ จากการกล่าวหาในสื่อโซเชียล หลังจากนี้จะร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ให้ตรวจสอบนายชูวิทย์ กรณีที่นำเอกสารหลักฐานเส้นทางการเงินของกลุ่มทุนจีนมาเผยแพร่และมอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ว่านำมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจะร้องเรียนกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ด้วย