ช่วย 5 สาวไทย ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่เมียนมา ช่วยกลับมาได้แล้ว 3 คน ปวีณา พาพบ บิ๊กโจ๊ก เร่งขยายผลจับแก๊งค้ามนุษย์

วันที่ 2 ธ.ค. 2565 เวลา 17:26 น.

วันนี้ (2 ธ.ค. 65) เวลา 15.00 น. ที่สโมสรตำรวจ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาหญิงสาว 3 คน อายุ 27 ปี 28 ปี และ 29 ปี เหยื่อถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ที่ได้ประสานทหารไทย ทหารเมียนมา สถานทูตไทย และตำรวจไทย ช่วยเหลือกลับมาได้เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 65 เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดี ขณะที่เหยื่อหญิงสาวอีก 2 คน อายุ 17 ปี และ 26 ปี ที่มูลนิธิปวีณาฯ ประสานความช่วยเหลือในกรณีเดียวกันรวม 5 คน นั้น ยังรอการส่งตัวกลับมาไทย เนื่องจากเมืองลาเซียว ประเทศเมียนมา ที่ทั้งสองคนอยู่มีการสู้รบระหว่างทหารไทยใหญ่และทหารเมียนมา ทำให้สนามบินเมืองลาเซียวปิดชั่วคราว จึงต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายจึงจะส่งตัวกลับไทย โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดร่วมกับสถานทูตไทยในเมียนมา ทหารไทย และตำรวจไทย สำหรับการช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 5 คนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากช่วงเดือน ต.ค. 65 พ่อแม่และญาติของเหยื่อได้ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา ว่าลูกสาวต้องการหางานทำ และไปพบข้อความในเฟซบุ๊กชักชวนไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศเมียนมา งานสบาย รายได้ดี จึงหลงเชื่อ ขณะที่บางคนก็ถูกเพื่อนที่เพิ่งรู้จักชักชวน เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับค้าประเวณี บังคับให้เสพยาเสพติด อย่างไรก็ตาม เส้นการเดินทางของเหยื่อกลุ่มดังกล่าว คือ หญิงสาวอายุ 27 ปี กับ อายุ 29 ปี เป็นพี่น้องกันชาว จ.พิษณุโลก และหญิงสาวอายุ 28 ปี ทั้ง 3 คน ทำงานโรงงานแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี ได้ถูก น.ส.น้อย (นามสมมุติ) ชักชวนไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศเมียนมา มีรายได้ดี วันละ 30,000-40,000 บาทไทย ทุกคนตกลงและตัดสินใจไปทำงาน เดินทางขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ - ลงที่สนามบินเชียงใหม่  มีรถกระบะมารับ นอนพักที่เชียงใหม่ 1 คืน เช้าวันรุ่งเช้ามีรถกระบะพาไปส่งทางขึ้นดอยนอแล จากนั้นมีคนพาเดินขึ้นดอยนอแล เมื่อไปถึงจุดบนดอยนอแล จะมีรถจักรยานยนต์ 4 คัน มารอรับ 3 คัน ส่วนอีกคันใช้ขนกระเป๋า ขับลัดเลาะลงดอยนอแล เพื่อข้ามไปชายแดนเมียนมา เมื่อไปถึงฝั่งเมียนมาได้เข้าค้างแรมที่บ้านของชาวเมียนมา ก่อนจะมีรถมารับไปส่งต่อตามจุดเป็นทอดๆ และมีการใช้รถหลายคัน โดยใช้เวลาเดินทาง 5 คืน เมื่อไปถึงร้านจะมี น.ส.เล็ก (นามสมมุติ) เป็นนายหน้า ดูตัว และแจ้งว่ากลุ่มเหยื่อเป็นหนี้คนละ 90,000 บาท ต้องทำงานใช้หนี้ ส่วนหญิงสาวอายุ 28 ปี ไม่ตรงปกตามที่เคยส่งรูปมา อ้วนเกินไป จึงถูกขายต่อไปยังร้านอื่น และเป็นหนี้เพิ่มรวม 250,000 บาท ซึ่งถูกแยกตัวออกไป  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนหวาดกลัวมาก และต้องทำตามทุกอย่าง ถ้าไม่ทำก็ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกกักขัง บังคับให้เสพยาเสพติด เคยให้อดข้าวอดน้ำถึง 3 วัน ถ้าขัดขืนไม่ทำตามจะถูกส่งตัวไปห้องมืดขังเดี่ยว ไม่มีโอกาสได้ออกมา โดยมีชายฉกรรจ์แต่งตัวคล้ายทหารถือปืนคอยคุมอยู่หน้าห้องตลอดเวลา ต้องทนอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น จึงติดต่อพ่อ เดินทางจาก จ.พิษณุโลก เข้าพบนางปวีณาเพื่อขอความช่วยเหลือ พยายามติดต่อวิดีโอคอลกับลูกสาว จนหาจุดพิกัดได้ในล๊อกกิ่ง ทั้งนี้ หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พ.อ.ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 2 (ผบ.ฉก.ม.2 ) และประธานคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ส่วนท้องถิ่น (TBC) ฝ่ายไทย เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือหญิงสาวทั้ง 5 คน และได้ประสานสถานทูตไทยในประเทศเมียนมา เพื่อส่งรายละเอียดขอความช่วยเหลือหญิงไทย 5 คน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 65 นางปวีณา ได้พาพ่อแม่เหยื่อ 5 คน เดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อติดตามการช่วยเหลือ โดยได้ร่วมประชุมกับ พ.อ.ณฑี, ผู้เเทนทหารเมียนมา, พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผกก.ตม.จว.เชียงราย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้วิดีโอคอลประชุมร่วมกับกงสุลไทยในเมียนมาเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือ ในที่ประชุมผู้เเทนทหารเมียนมา กล่าวว่า เมืองล๊อกกิ่ง เป็นเขตปกครองพิเศษ อยู่ติดกับชายแดนจีน การเดินทางไปค่อนข้างลำบากเพราะต้องข้ามภูเขาต้องใช้เวลาหลายวัน และรับปากจะรีบประสานงานช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุม นางปวีณาได้วิดีโอคอลคุยกับเหยื่อหญิงสาวทั้ง 5 คน โดยทุกคนร้องไห้ เล่าว่า อยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น บางวันก็ไม่ได้กินข้าว ทำงานไม่ได้เงิน หากรับแขกไม่ดี ไม่เอาใจ ก็ถูกทุบตี ทำร้ายร่างกายจนระบมไปทั้งตัว ขอให้ช่วยเหลือออกจากขุมนรกนี้ด้วย กระทั่งวันที่ 5 พ.ย. 65 นางปวีณา ได้รับแจ้งจากจาก พ.อ.ณฑี ว่า ทหารเมียนมาสามารถเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทย 3 คนได้แล้ว เนื่องจากหญิงไทย 3 คน เข้าทางช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย จึงต้องส่งตัวให้ตำรวจ ตม.เมืองล๊อกกิ่ง ดำเนินคดีในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำคุกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะส่งตัวกลับไทย ส่วนอีก 2 คน วันที่ 13 พ.ย. 65  กงสุลไทยในเมียนมา แจ้งนางปวีณา ว่าตำรวจเมียนมาได้เข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยอีก 2 คนได้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ได้สอบปากคำเหยื่อ 2 คนนี้ ซึ่งได้เดินทางเข้าเมืองถูกกฎหมาย จึงไม่ต้องถูกดำเนินคดี ก่อนจะทำเรื่องส่งตัวกลับไทย จากนั้นวันที่ 25 พ.ย. 65 กงสุลไทยในประเทศเมียนมาได้แจ้งมายังนางปวีณา ว่า ตำรวจ ตม.เมียนมา จะส่งหญิงไทย 3 คน กลับไทย โดยมาส่งที่ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 2 ซึ่งตำรวจ ตม.เมียนมา จะประสานกับ พ.ต.อ.เขมชาติ มารับตัวพร้อมมูลนิธิปวีณาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเวลา 14.00 น. โดยนางปวีณา ได้นัดประชุมร่วมกับ พ.อ.ณฑี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือครั้งนี้ เพื่อสรุปการช่วยเหลือหญิงไทยถูกหลอกไปประเทศเมียนมา  หลังจากนั้นวันที่ 27 พ.ย. 65 เวลา 14.00 น. นางปวีณา พาพ่อเหยื่อเดินทางไปพร้อม พ.อ.ณฑี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับหญิงไทย 3 คนดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.เมียนมา ขับรถจากด่านท่าขี้เหล็กฝั่งเมียนมาส่ง ด่าน ตม.แม่สายฝั่งไทย เมื่อหญิงไทยทั้ง 3 คนมาถึง ได้เข้าโผกอดพ่อด้วยความดีใจ จากนั้นได้เข้ากระบวนการสอบคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์เป็นเวลา 1 ชม. ก่อนที่ช่วงค่ำนางปวีณา พาเหยื่อผู้เสียหาย 3 คน เดินทางไปยังมูลนิธิปวีณาฯ จ.ปทุมธานี เข้าเยียวยา และอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ล่าสุดวันนี้ นางปวีณา ได้พาเหยื่อผู้เสียหาย 3 คน เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงเหยื่อผู้เสียหาย 3 คน ไปค้าประเวณี ทั้งนี้ในระหว่างนี้หญิงสาวทั้ง 3 คน จะอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะให้การติดตามด้านคดีและเรื่องความปลอดภัยร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม