“ซุปเปอร์บอน” กับความสำเร็จในปี 2565 และเป้าหมายสู่การเป็นยอดมวยไทยค่าตัว 10 ล้านบาทคนแรก

View icon 112
วันที่ 29 ธ.ค. 2565
แชร์

ในปี 2565 นับเป็นช่วงชีวิตที่ทำให้ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” เจ้าของบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต มีโอกาสสัมผัสทั้งความสำเร็จ  และต้องเผชิญความผิดหวังจากอาการป่วยอย่างไม่คาดคิด แต่ปีหน้าฟ้าใหม่ยอดมวยแห่งเมืองพัทลุงกำลังซุ่มฟิตซ้อมอย่างหนัก จนพร้อมเกินร้อยที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในศึก วัน แชมเปียนชิพ อีกครั้ง 

หลังจากคว้าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (155 ป.) เมื่อเดือนตุลาคม 2564 “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ขึ้นชั้นกลายเป็น 1 ในนักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ของศึก วัน แชมเปียนชิพ ทันที และการโชว์ฟอร์มสุดยอดชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือ “มารัต กริกอเรียน” ผู้ท้าชิงชาวอาร์เมเนีย ในศึก ONE X เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2565 ยิ่งทำให้ฐานแฟนคลับ "ซุปเปอร์บอน" ขยายสู่ทั่วโลกในเวลารวดเร็ว 

ซุปเปอร์บอน” ต้องการล้างตากับ "มารัต" มาตลอด หลังจากเคยเอาชนะน็อกเอาต์เขาเมื่อ 4 ปีก่อน โดยรูปเกมของไฟต์นี้ทั้ง 2 ฝ่ายออกอาวุธแลกใส่กันอย่างดุเดือด แต่แชมป์โลกชาวไทยเตรียมตัวมาดีตั้งรับหมัดชุดของคู่ปรับเก่ารายนี้พร้อมฟาดกลับด้วยแข้ง และเข่าเข้าเป้าจะแจ้งหลายครั้ง ทำให้ครบ 5 ยก กรรมการชูมือ "ซุปเปอร์บอน" ชนะคะแนนเป็นเอกฉันท์ พร้อมได้รับเข็มขัดแชมป์โลก ONE โฉมใหม่มาครอบครองอีกด้วย 

63ad182ded2743.41721796.jpg
 
ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน vs มารัต กริกอเรียน "ในปีนี้ผมได้ป้องกันแชมป์ครั้งแรกกับ มารัต เมื่อเดือนมีนาคม และทำผลงานได้ดีทีเดียว เพราะว่า มารัต เป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายที่ชนะผมได้ในรอบหลายปี ผมอยากล้างตาให้ได้มาตลอด ทำให้ชัยชนะจากไฟต์นี้เหมือนผมพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นอันดับ 1 ของรุ่นเฟเธอร์เวต อย่างแท้จริง เพราะความพ่ายแพ้ มารัต เป็นเรื่องที่ค้างคาใจผมมานาน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรติดใจอีกแล้วครับ"

อย่างไรก็ตามความสำเร็จ และชื่อเสียงของ "ซุปเปอร์บอน" ในปี 2565 ต้องมาสะดุดลงจากปัญหาอาการป่วย ทำให้กำหนดการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 กับ "ชิงกิซ อัลลาซอฟ" เจ้าของเข็มขัดคิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เฟต ต้องเลื่อนยาวจนมาลงตัวในศึก ONE FIGHT NIGHT 6: ซุปเปอร์บอน vs ชิงกิซ โดยจะถ่ายทอดสดจากอิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในช่วงไพร์ไทม์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ตรงกับช่วงเช้า 08.00 น. วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566

"แต่ว่าช่วงปลาย ๆ ปี เหมือนว่าผมดวงไม่ดีเท่าไร เพราะว่าพอผมเดินทางไปถึงสิงคโปร์ เพื่อเตรียมขึ้นชก (ศึก ONE Fight Night 2 วันที่ 1 ตุลาคม 2565) มีอาการป่วยไซนัสอักเสบ พอเลื่อนมาอีก 2 เดือน (ศึก  ONE FIGHT NIGHT 5 วันที่ 3 ธันวาคม 2565) ผมก็มีอาการป่วยอีก ทำให้รู้สึกว่าช่วงปลายปีตัวเองโชคร้ายไปหน่อย"

63ad182d88a2b1.93901798.jpg
 
นอกจากนี้ "ซุปเปอร์บอน" ยอมรับว่าการตัดสินใจเข้าสู่ศึก วัน แชมเปียนชิพ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และการได้ครองเข็มขัดแชมป์โลก ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงจนมีแฟนคลับทั่วโลก รวมทั้งต่อยอดสู่ธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ

"การเป็นแชมป์โลก ONE เปลี่ยนแปลงชีวิตผมเยอะมากทีเดียว ตั้งแต่ไฟต์ที่ชนะ จอร์จิโอ เปโตรเซียน คนรู้จักผมมากขึ้นหลายเท่า หลายคนมาขอถ่ายรูปเวลาผมออกไปวิ่ง, ซ้อมมวย หรืออกไปเที่ยวข้างนอก พอคนรู้จักเยอะขึ้น ผมก็มีงานเข้ามามากกว่าเดิม ทำให้มีเงินมาดูแลครอบครัว และคนใกล้ชิดมากขึ้น"

"การที่ ONE ถ่ายทอดการแข่งขันไปทั่วโลก ทำให้มีแฟนมวยต่างชาติรู้จักผมมากขึ้น โดยแบรนด์สินค้าของผม "Superbon" จะมีขายทั้ง กางเกงมวย, นวม และสนับแข้ง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ผมใช้เป็นประจำในทุกวัน เราอยากแบ่งปันสิ่งที่เราเห็นว่าคุณภาพดีให้แฟนคลับของเราเอาไปใช้ ความสำเร็จในศึก ONE ช่วยผมได้มากทีเดียว เพราะเป็นสื่อใหญ่ระดับโลก ทำให้มีแฟนคลับเข้ามาสั่งซื้อของเยอะขึ้น เรียกว่าขายดีมากจริง ๆ" 
63ad182e2047e5.97059555.jpg

 
สุดท้ายกับเป้าหมายในปี 2566 "ซุปเปอร์บอน" เชื่อมั่นว่าจะเป็นผู้ชนะในการเจอ "ชิงกิซ" ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 ก่อนจะลองหาความท้าทายใหม่กับการขึ้นเวทีภายใต้กติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) หรือมวยไทย 

"ความจริงไฟต์กับ ชิงกิซ ผมซ้อมมาพักใหญ่แล้ว วางแผนจะชกกับเขามาตลอด 4-5 เดือนหลัง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองพร้อมจะเจอกับเขา ตอนนี้รอให้ถึงเวลา ซ้อมสร้างความฟิตขึ้นกว่าเดิม ความจริงตอนนี้ร่างกายของผมก็ฟิตมากแล้ว และจะเป็นฝ่ายเอาชนะได้อย่างแน่นอน" 

"ส่วนเป้าหมายอื่น ๆ ในปีหน้าของผม อยากลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ถ้าเป็นไปได้อาจเป็นการลองขึ้นชกในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสานหรือมวยไทย ผมอยากลองการต่อสู้ทั้ง 2 รูปแบบ และเป้าหมายอีกอันหนึ่งคงเป็นการที่ได้ค่าตัว 10 ล้านบาท ตามที่คุณชาตรี ศิษย์ยอดธง (ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE) ให้สัมภาษณ์เอาไว้ ถือเป็นเป้าหมายที่ล่อตาล่อใจที่สุดแล้ว"

63ad1834e1cbd3.58602301.jpg
 
แฟน ๆ กีฬาสามารถติดตามอัปเดตโปรแกรมการแข่งขันของศึก ONE FIGHT NIGHT 6 ได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, อินสตาแกรม ONEChampTh โดยสามารถจองบัตรเข้าชมที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี วันนี้ในราคาเริ่มต้น 150 บาท รีบจองก่อน ได้ที่นั่งชัดถนัดตาก่อน คลิกที่ลิงก์นี้ bit.ly/OFN6BKK